เกร็ดความรู้ Virus Computer

ความเป็นมาของ Virus โดยทั่วไป

               ไวรัสคอมพิวเตอร์ เป็น Software ตัวเล็กๆออกแบบขึ้นมา แต่สามารถก่อให้เกิดผลกระทบกับ เครื่องคอมพิวเตอร์เรา โดยปกติแล้วไวรัสจะทำงานด้วยตัวมันเอง โดยไม่ต้องรับคำสั่งจากผู้ใช้ หรือเริ่มการทำงานโดยไม่มีการขออนุญาตจากผู้ใช้แต่อย่างใด ในทางทฤษฎีไวรัสส่วนใหญ่จะมีการเขียนเป็น Code สั้นๆ แล้วฝังตัวติดกับโปรแกรมที่สามารถ execute ได้ (ไฟล์จำพวก .exe) และในการเขียนไวรัสขึ้นมาในครั้งหนึ่งๆนั้น โดยทั่วไปแล้ว จะมีการทำงานแบบเฉพาะเจาะจงเป็นสำคัญ หลักการทำงานและผลกระทบ คือ
1.แพร่ขยายตัวเองไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องมีคำสั่งในการให้ปฏิบัติ
2.สร้างความเสียหายให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การลบข้อมูล การแสดงผลทางจอภาพผิดเพี้ยนไป เป็นต้น
ไวรัสที่มีความร้ายแรงต่ำ เป็นการออกแบบให้ไวรัส ไม่ให้ทำงานอย่างร้ายแรงเกินไปนัก เช่น ไวรัสที่ทำงาน ในเวลาที่จำเพาะเจาะจง เมื่อถึงเวลาก็จะมีการแสดงข้อความใดๆ ขึ้นมาที่หน้าจอ ทำให้เกิดความรำคาญใจ

ไวรัสที่มีความร้ายแรงสูง เป็นการออกแบบให้ไวรัสทำงานแล้วก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบคอมพิวเตอร์
ในบางกรณีก็เกิดได้ด้วยความพลาดพลั้งในการเขียน ก่อให้เกิดความเสียหาย หรือ การเขียนไวรัสขึ้นมาแล้ว ไม่มีการควบคุมที่ดีพอ เกิดเป็น Bug ที่ร้ายแรงต่อระบบ ในการทำงานของไวรัสแบบน ี้ก็จะส่งผลต่อโปรแกรมของเราๆ ท่านๆ ซึ่งอาจจะทำให้โปรแกรมไม่ทำงาน, มีการทำงานที่ผิดเพี้ยนไป,  เกิดความเปลี่ยนแปลงบนเอกสารที่เราเคยทำไว้, สร้างความเสียหายกับระบบไฟล์ในดิสก์ ทำให้ไม่สามารถเป็นโปรแกรมที่เราต้องการได้, หรือสร้างความสับสน กับโปรแกรม ทำให้โปรแกรมไม่สามารถเปิดไฟล์อื่นๆ ได้
               ไวรัสบางส่วนถูกกำหนดให้เป็นไวรัสที่มีความร้ายแรงต่ำ แต่ยังมีอีกหลายชนิดที่มีความร้ายแรงสูงมาก เช่นไวรัสที่จะทำการลบข้อมูลทั้ง Harddisk ของคุณให้หายวับไปกับตา
ไวรัส คำขู่ที่กลายเป็นจริง
               ไม่เกินไปใช่ไหมที่เราจะบอกว่า ไวรัสสามารถรบกวนข้อมูลและสร้างความเสียหายกับ ฐานข้อมูลที่มีอายุ 10 ปี ถ้าอยากมองโลกในแง่ดีก็คือ ไวรัสเป็นตัวที่ช่วยให้เรามีความระมัดระวัง ในการจัดการกับข้อมูลต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
แต่ในบางครั้ง ก็สร้างความสับสนให้กับบรรดาธุรกิจใหญ่ๆ ที่รับข่าวสารที่เกินความเป็นจริงอันเกี่ยวกับไวรัส
               ณ ศูนย์เก็บข้อมูลการก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์นานาชาติ ที่ลอสแองเจลลิส ประเทศสหรัฐ ได้ทำการประมาณไว้ว่า การประกอบธุรกรรมในประเทศสหรัฐ มีความเสียหายมากกว่า 550 ล้านเหรียญ อันสืบเนื่องมาจาก การทำงานกับคอมพิวเตอร์อย่างผิดระบบ และทำให้เกิดปัญหา ในเรื่องการติดไวรัสคอมพิวเตอร ์ในวงกว้าง และความสูญเสียถ้านำมาคิดกับเวลาที่เสียไปด้วยแล้ว ก็นับว่าประมาณค่ามิได้จริงๆ
ในกรณีต่างๆที่กล่าวมานี้ สหรัฐฯก็ได้จัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจ เพื่อช่วยเหลือองค์กรที่มีปัญหาเกี่ยวกับ ไวรัสคอมพิวเตอร์ หน่วยงานนี้มีชื่อว่า SWAT team มีหน้าที่ตรวจสอบและค้นหา สาเหตุที่เป็นปัญหา กับคอมพิวเตอร์เนตเวอร์คในระดับประเทศ และหน่วยงานที่เป็นผู้ผลิต Software ก็มีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีหน้าที่ร่วมมือกับองค์กรเหล่านี้ เพื่อการสมมติฐานปัญหาต่างๆ อย่างเป็นระบบและเกิดผลดีที่สุด
               อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆ ในสหรัฐฯ ก็ทำการกำหนดของเขต และหน้าที่การใช้งาน ให้กับตัวบุคคล เพื่อการป้องกันปัญหาไวรัส ยังมีหลายเหตุการณ์ที่เป็นเหตุการณ์ใหม่ และต้องมีการตรวจสอบประเมินผล การทดสอบ Software ก่อนการบรรจุลงระบบเนตเวอร์ค และการมีขอบเขตในการ downloads สิ่งต่างๆจากเครื่องแม่ข่าย ให้กับผู้ใช้งานในหน่วยงาน ดังนั้นในปัจจุบันเราจะพบว่า ในการใช้งานบนระบบเนตเวอร์คอันหนึ่ง ก็จะถูกจำกัดการใช้งานในระดับหนึ่ง สำหรับผู้ใช้ทุกๆคนไป ไม่เว้นแต่การทำงานในระบบเนตเวอร์คแบบพื้นที่เล็กๆ ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความแข็งแกร่ง และปลอดจากไวรัส หากเราปราศจากการควบคุมที่ดีพอแล้ว การใช้งานของผู้ใช้อาจก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ เช่น การจราจรทางอากาศเกิดปัญหา ทำให้ไม่สามารถจัดระเบียบการบินลงจอดของเครื่องได้ หรือระบบบัญชีของบริษัทหลายแห่งถูกไวรัสเล่นงาน จนกระทั่งไม่สามารถกระทำการต่างๆ กับตัวเลขที่อยู่ในบัญชีนั้นๆ ได้ แต่อย่างไรก็ดี การเผชิญหน้ากับไวรัสคอมพิวเตอร์ก็ยังมีเรื่อยไป และมีทุกหนแห่ง มีทุกระบบปฏิบัติการ ไม่เว้นแต่ หน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐวิสาหกิจ งานหนังสือพิมพ์ หรือระบบเนตเวอร์คที่มีข้อมูลมหาศาล
ชนิดของไวรัสคอมพิวเตอร์
               คอมพิวเตอร์ไวรัส ได้ถูกออกแบบมาอย่างแนบเนียน และทำการปกปิดเป็นอย่างดี ไวรัสคอมพิวเตอร์ จะทำการขยายตัวเองออกไปเรื่อยๆ และฝังตัวอยู่กับโปรแกรมของเรา (เช่นโปรแกรมพิมพ์งาน โปรแกรมบัญชี เป็นต้น) หรือ ฝังตัวไปในส่วนของ Boot Sector ของแผ่นดิสก์ เมื่อโปรแกรมนั้นถูก Run หรือแผ่นดิสก์นั้นถูกอ่าน ไวรัสก็จะถูก Run ตามไปด้วยและไปฝังตัวในหน่วยความจำ และจะอยู่ไปเรื่อยๆ และจะฝังตัวไปกับโปรแกรมต่อไปที่ถูก Run ทำการแพร่เชื้อต่อไปยังแผ่นที่ถูกถ่ายข้อมูล โดยทั่วไป ไวรัสสามารถทำงานตามที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้ เช่น แสดงข้อความแปลกๆในวันที่ใดวันที่หนึ่ง ลบไฟล์ หรือแพร่เชื้อไปตามเวลาที่ถูกกำหนดมาแสดงรูปภาพแปลกๆ หรือไม่ทำอะไรกับเครื่องเราเลย และยังมีอีกหลายชนิดที่น่ารำคาญใจกว่า เช่น ทำให้เครื่องช้าลง ปรับเปลี่ยน
รบกวนการแสดงผลบนจอภาพ หรือเป็นเหตุจูงในให้คอมพิวเตอร์แฮงค์กลางคัน รวมทั้งการทำอันตรายกับข้อมูลที่อยู่บนดิสก์
ไฟล์ที่จะถูกติดต่อแพร่เชื้อ
               ชนิดของไฟล์ที่ไวรัสจะเข้าไปติด หรือเข้าแทนที่ คือ .COM และ .EXE ไฟล์ และยังมีอีกบางตัว ที่สามารถเข้าติดต่อไฟล์ในนามสกุลของ .SYS, .DRV, .BIN, .OVL  และ .OVY เมื่อไวรัสเข้าไปติดๆไฟล์เหล่านี้แล้ว ก็จะทำการแพร่ขยายต่อไป หลังจากที่ไฟล์นั้นถูกนำไปใช้งาน (คำสั่ง DIR ของ Dos ก็สามารถทำให้ติดได้) หรือไวรัสจะทำการติดต่อโดยตรงไปยังไฟล์ที่ถูก Run

Common Virus เป็นไวรัสที่สามารถติดต่อทั่วไป ทุกรูปแบบ การอ่าน-เขียน ข้อมูลต่างๆ สามารถนำไปสู่การ ติดต่อแพร่เชื้อเรื่อยๆ ไปได้
Program Virus ไวรัสชนิดนี้ จะแพร่เชื้อเฉพาะเวลาที่ไฟล์ที่ฝังตัวอยู่ถูก Run แล้วก็จะทำการติดต่อ ไฟล์ทุกไฟล์ที่สามารถติดต่อต่อไปได้
Boot Virus รูปแบบการทำงานคือ ฝังตัวอยู่ใน Boot Sector (ส่วนแรกของแผ่นดิสก์ทุกแผ่น ทำหน้าที่เก็บรายละเอียดต่างๆของระบบไฟล์บนแผ่น) เมื่อแผ่นถูกทำการอ่าน ก็จะทำหน้าที่ Load ตัวเองเข้าไปอยู่ในหน่วยความจำ และจะติดต่อไปยัง drives ทุกๆ drive บนเครื่อง
Stealth Virus ไวรัสที่ติดต่อไปยังโปรแกรมทั่วๆ ไป แต่จะมีคุณสมบัติในการหลบหลีก การตรวจจับได้ทุกเมื่อ การป้องกันไวรัสชนิดนี้ก็คงจะเป็นการ Update ไวรัส Definition บ่อยๆ
Polymorphic Viruses ไวรัสที่ทำการติดเชื้อโดยทั่วไป แต่จะแสดงผลอย่างผิดปกติ (แสดงผลว่ามีไวรัสอยู่หลายชื่อ) เมื่อถูกตรวจจับ บางครั้งก็เป็นปัญหาในวิธีการที่จะเอาไวรัสออก
Multipartite Viruses เป็นไวรัสที่สามารถติดต่อได้ทั่งโปรแกรมและ Boot sector พร้อมๆ กัน นับว่าเป็นไวรัสที่มีความสามารถสูง
Macro Viruses ไวรัสชนิดนี้ติดต่อเฉพาะไฟล์ที่เป็นเอกสาร (เช่น .DOC, .DOT, .XL*) อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ข้อมูลที่เก็บไว้ เช่น เนื้อความในไฟล์เสียหายหรือเปลี่ยนแปลงไป